📰 ข่าวเด่นในวงการเหล็กโลก (ปลาย พ.ย. 2025)
-
OECD เตือน “Overcapacity เหล็กโลก” พุ่งสูงในปี 2025
คณะกรรมการอุตสาหกรรมเหล็กของ OECD เตือนว่า กำลังการผลิตเหล็กส่วนเกินทั่วโลกอาจเกิน ~680 ล้านตัน ภายในสิ้นปี 2025 เนื่องจากปริมาณ capacity ขยายต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการเหล็กยังทรงตัวหรือชะลอ-
มีหลายโครงการผลิตเหล็กใหม่ในเอเชีย–ตะวันออกกลางและประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งจะเสริมภาระ overcapacity
-
ความเกิน capacity นี้ทำให้ราคาสินค้าเหล็กลดกดดันบริษัทเหล็กที่ผลิตในประเทศตลาดเสรี และบางโครงการผลิตเหล็กลดคาร์บอน (low-carbon / decarbonisation) ต้องหยุดชะงัก เพราะ margin กำไรต่ำมาก
-
- แหล่งที่มา : SteelOrbis , OECD , SteelOrbis
-
การผลิตเหล็กดิบทั่วโลกในเดือนตุลาคม 2025 ลดลง 5.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
รายงานจาก World Steel Association (worldsteel) ระบุว่า ปริมาณเหล็กดิบที่ผลิตโดยประเทศที่รายงานข้อมูลในตุลาคม อยู่ที่ 143.3 ล้านตัน ลดลงจากตุลาคม 2024-
ภูมิภาคเอเชีย-โอเชียเนีย (รวมจีน) ผลิตลดลง 8.2% YoY; จีนผลิต 72.0 ล้านตัน ลดลง ~12.1% YoY
-
อย่างไรก็ตาม มีประเทศอย่างอินเดีย และสหรัฐฯ ที่ผลิตเหล็กเพิ่มขึ้นในปี 2025 เทียบกับปีก่อนหน้า
-
- แหล่งที่มา : IndexBox , worldsteel , worldsteel
-
ราคาวัตถุดิบถ่านโค้ก/โค้กมีสัญญาณปรับลง — ตลาดโค้ก/เหล็กมีความผันผวน
ตามรายงานของตลาดโค้กในจีน — ราคาถ่านโค้กมีแนวโน้ม “ผ่อนคลาย” จากภาวะอุปทานโค้กที่ค่อนข้างสมดุล และแรงกดดันด้านอุปสงค์เหล็กที่อ่อนแอ ส่งผลให้โรงถลุงหลายแห่งต้องหยุดเติมสต็อกและซื้อตามความต้องการ - แหล่งที่มา : Metal
-
-
สถานการณ์นี้สะท้อนอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมเหล็กลดลงทั่วโลก และอาจทำให้ราคาเหล็กสำเร็จรูปและวัตถุดิบมีความผันผวนสูงในระยะสั้น
-
🌏 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย
-
แรงกดดันด้านราคาและการแข่งขันจาก overcapacity โลก
เมื่อ capacity เกินและราคาตก — เหล็กนำเข้าราคาถูกอาจทะลักเข้าสู่ตลาดโลก/อาเซียน รวมถึงไทย — ผู้ผลิตไทยต้องเตรียมปรับตัว เช่น ลดต้นทุน, เพิ่มประสิทธิภาพ, เน้นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (value-added) เพื่อไม่ถูกแย่งตลาด -
ความเสี่ยงต่อโครงการเหล็กลดคาร์บอน / “Green Steel / Low-carbon Steel”
โครงการเหล็กที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งหลายแห่งวางแผนไว้ อาจถูกชะลอหรือยกเลิก เพราะ margin กำไรถูกกดจากการแข่งขันราคา — ถ้าผู้ผลิตไทยหวังจะลงทุนด้านนี้ อาจต้องประเมินต้นทุนและความเสี่ยงให้รอบคอบ -
โอกาสในตลาดเอเชียที่ผลิตเพิ่ม — แต่ต้องระวังการส่งออกไปจีน/ประเทศที่ผลิตเอง
เห็นว่าในปี 2025 มีประเทศเช่นอินเดีย และสหรัฐฯ ที่ผลิตเพิ่ม ซึ่งอาจเพิ่มอุปทานในภูมิภาค — ไทยอาจต้องมองหา niche market หรือสินค้าที่มีความพิเศษ เช่น เหล็กรีไซเคิล, เหล็กพิเศษ, เหล็กตามสเปก เพื่อแข่งขัน -
ต้นทุนวัตถุดิบ (ถ่านโค้ก / โค้ก) ที่ผันผวน + ความต้องการชะลอ
ถ้าต้นทุนโค้กลดลงชั่วคราว อาจดีต่อผู้ผลิตที่ใช้เตาหลอมแบบดั้งเดิม — แต่ความอ่อนแอของ demand เหล็กอาจทำให้ขายได้ยาก — ผู้ผลิตควรวางแผนคลังวัตถุดิบ และพิจารณาความเสี่ยงต่ออุปสงค์ -
โอกาสขยายตลาดภายในประเทศ และอาเซียน
ถ้าผลิตภัณฑ์ไทยสามารถปรับคุณภาพให้ได้มาตรฐาน พร้อมทั้งควบคุมต้นทุน — อาจใช้โอกาสจาก overcapacity และราคาตกทั่วโลก เพื่อผลักดันการขายในประเทศและตลาดอาเซียนแทนตลาดส่งออกใหญ่
✅ สรุปภาพรวม (ปลาย พ.ย. 2025)
สภาพตลาดเหล็กโลก ณ สัปดาห์สุดท้ายของพฤศจิกายน 2025 แสดงสัญญาณว่า
-
กำลังการผลิตเหล็กทั่วโลก “ล้น” และ overcapacity กลายเป็นประเด็นใหญ่ — กดดันราคาสินค้าและกำไรของผู้ผลิต
-
ปริมาณการผลิตลดลงในหลายประเทศ โดยเฉพาะจีน มีผลต่ออุปทานและต้นทุนในตลาดโลหะทั่วโลก
-
ภาวะโค้ก/วัตถุดิบแปรผันสูง ผสมกับ demand ที่อ่อนตัว ทำให้ผู้ผลิตต้องระวังต้นทุนและกำไร
-
สำหรับไทย — เป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการ “ปรับตัว / ปรับกลยุทธ์” ทั้งในแง่การผลิต, วัตถุดิบ, ตลาด และรูปแบบสินค้า
หากสนใจสั่งซื้อ เหล็กกัลวาไนซ์ ติดต่อเหล็กทรัพย์ ได้เลยค่ะ

