🌍 ข่าวธุรกิจโลก (27 ต.ค. – 2 พ.ย. 2025)
🛢️ น้ำมัน (Oil)
- ราคาโลกราคาน้ำมันปรับตัวลด หลังกลุ่ม OPEC+ ประกาศเพิ่มกำลังการผลิตเล็กน้อยในเดือนธันวาคม และเตรียมหยุดการเพิ่มกำลังผลิตในช่วงต้นปี 2026 เพื่อหลีกเลี่ยงอุปทานล้นตลาด
แหล่งอ้างอิง: Reuters – OPEC
-
อีกบทวิเคราะห์ระบุว่า “อุปทานล้น” ยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมัน แม้จะมีข่าวดีด้านการค้า‑ระหว่างประเทศอยู่บ้าง
แหล่งอ้างอิง: OilPrice.com+
🇹🇭 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมัน/พลังงานในไทย
-
ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอาจช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงสำหรับผู้ใช้พลังงานหนักในไทยได้ เช่น โรงงาน เหล็ก หรือขนส่ง
-
อย่างไรก็ตาม หากมีการเพิ่มกำลังการผลิตแล้วเกิดอุปทานล้นจริง อาจทำให้ราคาสินค้าพลังงานและเชื้อเพลิงในประเทศผันผวน และผู้ประกอบการอาจไม่สามารถคาดการณ์ต้นทุนได้อย่างแม่นยำ
-
อุตสาหกรรมเหล็กในไทยที่ใช้พลังงานและวัตถุดิบที่อิงราคาน้ำมัน อาจได้ประโยชน์จากต้นทุนลดลง แต่หากราคาน้ำมันกลับพุ่งขึ้นหรือผันผวนอีก ก็อาจกระทบกำไรและการวางแผนลงทุน
🪙 ทองคำ (Gold)
- ราคาทองคำโลกลดลงกว่า 2.7 % เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 เนื่องจากความคาดหวังเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน ลดการต้องการสินทรัพย์หลบภัย (safe‑haven)
แหล่งอ้างอิง: Reuters – Gold dips below
-
รายงานวิเคราะห์เพิ่มเติมชี้ว่า แม้ราคาทองคำจะระดับสูงมากแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนมองว่า “อาจถึงจุดสูงสุด (peak)” แล้ว หรืออย่างน้อยต้องจับตาโมเมนตัมว่าจะกลับขึ้นได้หรือไม่
แหล่งอ้างอิง: The Economic Times
🇹🇭 ผลกระทบต่อไทย
-
ราคาทองแท่งในไทยอาจมีความผันผวนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนและผู้ซื้อทองคำรายย่อยต้องระมัดระวังมากขึ้น
-
ร้านทองและผู้ผลิตเครื่องประดับทองอาจได้รับผลกระทบจากราคาวัตถุดิบที่อาจขึ้น‑ลงเร็ว ทำให้การตั้งราคาขาย/ซื้อยากขึ้น
-
ในช่วงที่ราคาทองคำโลกลดลง ไทยอาจได้โอกาสซื้อทองในราคาที่ดีขึ้น แต่นักลงทุนก็อาจลังเลเนื่องจากความไม่แน่นอน
🏗️ เหล็ก / เหล็กกล้า (Steel)
-
ราคาขายเหล็กทั่วโลกยังมีแนวโน้ม “อ่อนตัวลง” ในช่วงปลาย ตุลาคม 2025 โดยตลาดเหล็กกำลังเผชิญกับอุปทานล้น ความต้องการชะลอตัว และความไม่แน่นอนด้านการค้า
แหล่งอ้างอิง: BigMint
-
รายงานเพิ่มเติมระบุว่า แม้ราคาอาจมีโอกาสกลับตัวในเดือนพฤศจิกายน แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงด้านอุปสงค์–อุปทานให้จับตา
แหล่งอ้างอิง: BigMint
🇹🇭 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทย
-
ผู้ผลิตเหล็กไทยอาจเผชิญ การแข่งขันรุนแรง จากเหล็กนำเข้าที่ราคาถูก หรือจากผู้ผลิตในต่างประเทศที่มีต้นทุนต่ำกว่า ซึ่งอาจกดดันมาร์จินของผู้ผลิตไทย
-
ผู้ใช้เหล็กในไทย (เช่น สถานก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน) อาจได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบนำเข้าที่ถูกลง แต่อาจมีความเสี่ยงเรื่อง คุณภาพ หรือ การส่งมอบล่าช้า หากใช้เหล็กนำเข้าที่ไม่มาตรฐาน
-
ในระยะยาว หากผู้ผลิตไทยไม่สามารถปรับตัวได้ (เรื่องต้นทุน คุณภาพ และการส่งมอบ) อาจสูญเสียส่วนแบ่งตลาดภายในประเทศ และอาจต้องพึ่งพาการนำเข้าเพิ่มขึ้น
-
รัฐบาลและผู้ประกอบการไทยอาจจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์คุณภาพเหล็กไทย และคิดมาตรการรองรับ เช่น มาตรฐานกรองเหล็กนำเข้า หรือส่งเสริมผู้ผลิตไทยให้แข็งแกร่งขึ้น
หากสนใจสั่งซื้อ เหล็กเคลือบกันสนิม ติดต่อเหล็กทรัพย์ ได้เลยค่ะ

