🛢️ น้ำมัน: ตลาดจับตา OPEC+ เตรียมเพิ่มกำลังผลิตอีกระลอก
ในช่วงวันที่ 7–12 กรกฎาคม 2025 ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยมีแรงกดดันจากความคาดหวังว่ากลุ่ม OPEC+ อาจขยายการเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนกันยายนอีก 550,000 บาร์เรล/วัน หลังจากเพิ่งประกาศเพิ่มในเดือนสิงหาคม
ตลาดยังได้รับผลจากรายงานว่า สต็อกน้ำมันของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด ขณะที่ดีมานด์การใช้น้ำมันในประเทศยังคงสูงช่วงวันหยุด 4 กรกฎาคม ทำให้ราคาน้ำมันเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด
ราคาน้ำมันดิบ ณ วันที่ 11 กรกฎาคม 2025:
-
Brent อยู่ที่ประมาณ 66.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
-
ราคาน้ำมันรัสเซีย Urals ยังคงต่ำกว่าเพดานราคา 60 ดอลลาร์
🔗 ที่มา: Reuters , Business Insider
🪙 ทองคำ: ตลาดผันผวนแรง ดอลลาร์แข็งกดดันแต่ทองยังน่าถือ
ในสัปดาห์เดียวกัน ราคาทองคำเคลื่อนไหวในกรอบผันผวน โดยเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ราคาทองคำหลุดระดับ 3,300 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นและผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ปรับตัวสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 กรกฎาคม ราคาทองคำในเอเชียดีดตัวกลับสู่ 3,335 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้รับแรงหนุนจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าโลก และความกังวลจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ
ราคาทองคำ (Spot gold) ช่วงวันที่ 7–12 ก.ค. 2025:
-
ปรับตัวลงกลางสัปดาห์ แต่กลับขึ้นในปลายสัปดาห์
-
ความผันผวนยังสูง นักลงทุนเน้นกลยุทธ์ “ซื้อเมื่อร่วง”
🔗 ที่มา: Reuters
🏗️ เหล็ก: จีนปรับขึ้นบางส่วน แต่แนวโน้มยังไม่ชัด
ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว ราคาฟิวเจอร์สเหล็กในจีนเคลื่อนไหวไม่มากนัก โดยวันที่ 11 กรกฎาคม 2025 ราคาลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 3,094 หยวน/ตัน ลดลง 0.35% จากวันก่อนหน้า แต่ยังสูงขึ้น 5.5% จากเดือนก่อน
ตลาดเหล็กโลกยังได้รับแรงหนุนจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลจีน แต่ก็ยังถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูง และความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าระหว่างประเทศ
ราคาฟิวเจอร์สเหล็ก (จีน):
-
วันที่ 11 ก.ค. 2025: 3,094 หยวน/ตัน (-0.35% จากวันก่อน)
🔗 ที่มา: TradingEconomics
🇹🇭 ผลกระทบต่อธุรกิจไทย: ต้นทุนพุ่ง-เหล็กจีนกดดันตลาดในประเทศ
ราคาน้ำมันที่ผันผวนและอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ต้นทุนด้านพลังงานของอุตสาหกรรมไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มโลจิสติกส์และการผลิต ซึ่งจำเป็นต้องวางแผนต้นทุนพลังงานให้เหมาะสม
ราคาทองคำที่ผันผวนยังส่งผลต่อพฤติกรรมการออมและการลงทุนของประชาชน โดยเฉพาะในภาคครัวเรือนที่มองหาสินทรัพย์ปลอดภัย
ในด้านเหล็ก ผู้ประกอบการในไทยกำลังเผชิญแรงกดดันหลายด้าน:
-
ราคานำเข้าเหล็กสูงขึ้นตามตลาดโลก
-
มีการแข่งขันจาก เหล็กนำเข้าราคาถูกจากจีน ที่เพิ่มมากขึ้น
-
ต้นทุนการผลิตในประเทศยังสูง ทำให้กำไรลดลง
แนวทางการปรับตัวของธุรกิจในไทย:
-
หันมาใช้ เหล็กรีไซเคิล ลดต้นทุน
-
ลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
-
กระจายซัพพลายเชนในประเทศเพื่อลดความเสี่ยงจากต่างประเทศ
หากสนใจสั่งซื้อเหล็กเอชบีม เหล็กไอบีม เหล็กไวด์แฟรงก์ หรือเหล็กรูปพรรณชนิดอื่นๆ ติดต่อเหล็กทรัพย์ ได้เลยค่ะ

