🛢️ ราคาน้ำมัน (Brent และ WTI)
-
ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเกือบ 10% จากระดับก่อนเกิดความขัดแย้งในตะวันออกกลาง โดย Brent และ WTI พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน
-
ล่าสุด ช่วงวันพฤหัสฯ WTI ประมาณ 74 – 75 USD/บาร์เรล ส่วน Brent อยู่ราว 76 USD/บาร์เรล
-
ความวิตกเกี่ยวกับช่องแคบฮอร์มุซ (Hormuz Strait) เพิ่มความผันผวนชื่อว่า OVX index (ดัชนีความผันผวนของน้ำมันของ CBOE) พุ่งขึ้น 26% ทำจุดสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี marketwatch.com
-
แต่เมื่อมีรายงานว่าประเทศในตะวันออกกลาง เช่นอิหร่าน กำลังเจรจาบางอย่างกับอิสราเอล ทำให้ราคาลดลงประมาณ 3–4% มาอยู่ราว 71–72 USD/บาร์เรล
สรุปแนวโน้ม:
-
ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในช่วง 70–80 USD/บาร์เรล ขึ้นกับข่าวด้านความมั่นคง • หากความตึงเครียดทวีขึ้นอาจซ้ำเติมและผลักดันขึ้นอีก • แต่หากมีสัญญาณคลี่คลาย ราคาก็อาจกลับลงมาระหว่าง 70–75 USD/บาร์เรล
🪙 ราคาทองคำ
-
ราคาทองในตลาดโลกปรับตัวขึ้นอยู่ในช่วงประมาณ 3,400 USD/oz หลังจากมีความหวั่นเกี่ยวกับสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์
-
ตลาดไทย รายงานราคาทองคำแท่งและเครื่องประดับปรับขึ้น-ลงในกรอบ 50,000–60,000 บาท/บาททอง โดยเดือนก่อนทองคำในประเทศเคยพุ่งถึง ~60,000 บาท/บาท เมื่อราคากิโลขึ้นสูงสุด
-
ล่าสุดมีความผันผวนสูง • เทรดเดอร์ในไทยคาดราคาทองคำขึ้นแรงจนแตะ 60,000 บาทอีกครั้ง แต่ก็มีจุดพักที่ ~49,300–55,000 บาท bangkokpost.com
-
มีรายงานว่ายอดขายเครื่องประดับทองในไทยลดลงกว่า 50% เนื่องจากราคาสูง และมีผู้ค้าปลีกหลายแห่งถึงขั้นปิดตัว
สรุปแนวโน้ม:
-
ทองคำในตลาดโลกคงระดับสูง (3,400 USD) เนื่องจากความไม่แน่นอน • ในไทยราคาต่อบาททองมีโอกาสกลับมาตีพ่ายที่ 50–60 k บาท ขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนและกำลังซื้อของผู้บริโภค
ความผันผวนของราคาน้ำมันและทองคำ โดยเฉพาะจากสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง สามารถส่งผลกระทบต่อ “ราคาเหล็ก” ได้โดยทางอ้อม ในหลายด้าน ดังนี้:
📌 1. ต้นทุนการผลิตและขนส่ง
-
น้ำมันแพง = ค่าขนส่งแพง ทั้งในประเทศและนำเข้าเหล็กจากต่างประเทศ เช่น จีน อินเดีย เวียดนาม ฯลฯ
-
เหล็กเป็นสินค้าที่มีน้ำหนักมาก การขนส่งจึงมีสัดส่วนต้นทุนสูง การปรับขึ้นของราคาน้ำมันจะ ผลักต้นทุนเหล็กเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
-
โรงถลุงเหล็กใช้พลังงานเยอะ หากพลังงาน (น้ำมัน, ถ่านหิน) แพงขึ้น ต้นทุนการถลุงก็สูงขึ้น → ผู้ผลิตมักส่งต่อเป็นราคาขายที่สูงขึ้น
📌 2. ภาวะเงินเฟ้อ / ทองคำแพง
-
เมื่อราคาทองคำพุ่งจากความไม่แน่นอน = นักลงทุนเริ่มมองหาสินทรัพย์ปลอดภัย
-
หากทองแพงเกินไป นักลงทุนอาจโยกมาสินทรัพย์จริง (real asset) อื่น เช่น โลหะอุตสาหกรรมอย่าง “ทองแดง–เหล็ก–อลูมิเนียม”
-
ความต้องการในตลาดซื้อขายโลหะล่วงหน้าเพิ่ม อาจ ดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างเหล็กขึ้น
📌 3. การก่อสร้าง & อุตสาหกรรม
-
หากน้ำมันพุ่งมากเกินไป = กระทบต้นทุนการก่อสร้าง → โครงการชะลอตัว → อุปสงค์เหล็กลดลง → ราคาอาจ “ชะลอ”
-
ตรงกันข้าม หากรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน = ดันอุปสงค์เหล็กพุ่ง → ราคากลับ “ขึ้น”
📌 4. จีนเป็นผู้กำหนดใหญ่
-
จีนเป็นทั้งผู้ผลิตและส่งออกเหล็กรายใหญ่ของโลก → หากจีนเจอสภาพเศรษฐกิจผันผวน (จากทอง-น้ำมัน-ดอกเบี้ยสหรัฐ)
-
อาจลดกำลังผลิต / ปรับส่งออก → กระทบ supply เหล็กทั่วโลก รวมถึงไทย
📊 แนวโน้มสั้น ๆ ในไทย (ณ กลางปี 2568)
-
ราคาน้ำมันขึ้น → ค่าขนส่งเหล็กน่าจะเพิ่ม
-
ราคาทองสูง → เงินเฟ้อเร่งขึ้นเล็กน้อย อาจดึงราคาสินค้าอุตสาหกรรมขึ้น
-
หากบาทอ่อน → เหล็กนำเข้าราคาแพงขึ้นทันที
-
ถ้าไม่มีนโยบายแทรกแซง → ราคาเหล็กในไทยมีแนวโน้ม “ทรงตัวถึงขยับขึ้น” เล็กน้อย ในช่วงเดือน มิ.ย.–ก.ค. 2568
หากสนใจสั่งซื้อเหล็กฉาก เหล็กรางน้ำ เหล็กเส้นกลม หรือเหล็กรูปพรรณชนิดอื่นๆ ติดต่อเหล็กทรัพย์ ได้เลยค่ะ