ข่าวสารวงการเหล็ก (4–10 สิงหาคม 2025)
1. Nucor ปรับลดราคา Hot Rolled Coil ในสหรัฐฯ
บริษัทเหล็กยักษ์ของสหรัฐฯ Nucor ได้ประกาศลดราคา Hot Rolled Coil (HRC) ลง 10 ดอลลาร์ต่อตัน (ประมาณ 1.1%) สำหรับสัปดาห์ 4–10 สิงหาคม 2025 ซึ่งเป็นสัญญาณชัดถึงการชะลอตัวของความต้องการในตลาดภายในประเทศ
ที่มา : steelprices
2. จีนส่งออกเหล็กพุ่ง แม้เผชิญแรงกดดันจากมาตรการปกป้องการค้า
-
การส่งออกเหล็กของจีนในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 1.7% จากเดือนก่อน, แตะระดับ 9.84 ล้านตัน และปริมาณรวมในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปีสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 67.98 ล้านตัน
-
อย่างไรก็ตาม มีประเทศกว่า 40 แห่ง ที่เริ่มสอบสวนหรือใช้มาตรการปกป้องตลาด (anti-dumping) ต่อเหล็กจากจีน โดยความเคลื่อนไหวนี้ทวีความรุนแรงขึ้น
-
การนำเข้าเหล็กจากออสเตรเลียลดลงเล็กน้อย เนื่องจากราคาเพิ่มขึ้นและได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น และการนำเข้าอยู่ที่ 104.62 ล้านตัน
ที่มา : Reuters
3. Fastmarkets เปิดตัว “ดัชนีราคาScrapเหล็ก” สำหรับซาอุดิอาระเบีย
ในวันที่ 5 สิงหาคม 2025 Fastmarkets ได้เปิดตัว ดัชนีราคาScrapเหล็กของซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถือเป็นการขยายฐานข้อมูลตลาดเหล็กในภูมิภาคตะวันออกกลางอย่างมีนัยสำคัญ
ที่มา : Global Steel Web
4. โลกจับตาหมดอายุสงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ–จีน
สัปดาห์นี้ (10 สิงหาคม 2025) เป็นช่วง กำหนดเส้นตายของข้อตกลงพักรบทางภาษีสินค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งหากไม่ต่ออายุอาจทำให้เกิดมาตรการขึ้นภาษีใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางการค้าอีกครั้ง
ที่มา : Financial Times
🏭 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเหล็กไทย
1. ต้นทุนการนำเข้า
-
ถ้าราคาเหล็กโลกสูงขึ้น → ไทยซึ่งต้องนำเข้าเหล็กกึ่งสำเร็จรูปและเหล็กคุณภาพพิเศษ จะมีต้นทุนสูงขึ้นทันที
-
โรงงานรีดเหล็กไทยอาจต้องขึ้นราคาขาย เพื่อชดเชยต้นทุน ทำให้ราคาวัสดุก่อสร้างในประเทศสูงขึ้น
2. ความสามารถในการแข่งขัน
-
ถ้าคู่แข่งในภูมิภาค (เช่น เวียดนาม อินโดนีเซีย) ได้เหล็กราคาถูกกว่าจากซัพพลายเออร์อื่น → ไทยอาจเสียส่วนแบ่งตลาดในสินค้าที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบ
-
ภาคการผลิตรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าอาจต้องหาวัตถุดิบจากหลายแหล่ง เพื่อกระจายความเสี่ยง
3. อุตสาหกรรมก่อสร้างและโครงสร้างพื้นฐาน
-
โครงการใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า มอเตอร์เวย์ โรงไฟฟ้า จะใช้เหล็กจำนวนมาก
-
ราคาที่สูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนรวมของโครงการเพิ่ม และอาจกระทบต่อการประมูลและการลงทุน
4. โอกาสส่งออก
-
หากราคาเหล็กโลกสูง แต่ไทยยังมีเหล็กบางชนิดที่ผลิตได้เองในราคาต่ำกว่า → อาจมีโอกาสส่งออกเพิ่ม โดยเฉพาะในตลาดอาเซียน
-
แต่ต้องระวังมาตรการกีดกันทางการค้า เช่น ภาษี AD (Anti-Dumping)
5. ความผันผวนของตลาด
-
การพึ่งพาการนำเข้าเหล็กกว่า 60% ของความต้องการรวม → ทำให้ไทยอ่อนไหวต่อความผันผวนของราคาและค่าเงิน
-
ถ้าบาทอ่อนค่า + ราคาเหล็กขึ้นพร้อมกัน → กระทบหนักต่อผู้นำเข้าและผู้บริโภคปลายทาง
สรุปภาพรวม (4–10 สิงหาคม 2025)
สัปดาห์นี้ตลาดเหล็กโลกเคลื่อนไหวผสมผสาน — สหรัฐฯ ปรับลดราคา HRC จากความต้องการชะลอตัว, จีนยังคงส่งออกเหล็กในปริมาณสูงแม้เผชิญแรงกดดันทางการค้า, ตลาดตะวันออกกลางเริ่มมีดัชนีราคาScrapอย่างเป็นทางการ และโลกจับตาความตึงเครียดทางการค้าสหรัฐฯ–จีน
ต่อไทย — สถานการณ์นี้สร้างทั้งโอกาสและความเสี่ยง ได้แก่ การนำเข้าเหล็กถูกลงและการขยายตลาดใหม่ แต่ต้องระวังการแข่งขันรุนแรงจากเหล็กจีนและความผันผวนของราคาในตลาดโลก
หากสนใจสั่งซื้อเหล็กท่อกลมดำหรือเหล็กรูปพรรณชนิดอื่นๆ ติดต่อเหล็กทรัพย์ ได้เลยค่ะ