📰 ความผันผวนราคาน้ำมัน–ทองคำ–เหล็ก สะท้อนสัญญาณเศรษฐกิจโลก (11–17 ส.ค. 2025)
🛢️ น้ำมัน: อุปทานล้น–นโยบายสหรัฐฯ กดดันราคา
ราคาน้ำมันดิบ Brent สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 82–85 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยแม้จะยังมีแรงหนุนจากความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ แต่ปัจจัยกดดันสำคัญคือ การเพิ่มอุปทานจาก OPEC+ และความไม่แน่นอนเรื่อง ภาษีน้ำมันของสหรัฐฯ ที่สร้างแรงกดดันให้ตลาดระยะกลาง ราคามีแนวโน้มชะลอลงสู่ระดับ 62–63 ดอลลาร์ หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวไม่เต็มที่
🔗 ที่มา: Reuters
🪙 ทองคำ: นักลงทุนชะลอการเข้าซื้อ รอท่าทีเฟด
ราคาทองคำโลกยังแกว่งตัวในกรอบแคบ หลังไม่สามารถยืนเหนือแนว 2,460 ดอลลาร์/ออนซ์ได้ แม้ยังถือว่าเป็น สินทรัพย์ปลอดภัย แต่แรงกดดันจาก ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่สูงต่อเนื่อง ทำให้การเข้าซื้อไม่แข็งแรงนัก
สำนักวิจัย Citi ปรับลดคาดการณ์ทองคำใน 6–12 เดือนข้างหน้า เหลือ ต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ ด้วยเหตุผลว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ยังคงเปิดโอกาสให้ราคาขึ้นได้ถึงช่วง 3,100–3,500 หากเกิดความผันผวนทางการเงิน
🔗 ที่มา: Reuters
🏗️ เหล็ก: จีนยังคุมตลาด กำลังผลิตเกินหนุนความผันผวน
ตลาดเหล็กยังคงถูกครอบงำโดย การผลิตส่วนเกินของจีน แม้รัฐบาลปักกิ่งพยายามประกาศมาตรการลดกำลังผลิต แต่ภาคธุรกิจยังไม่เชื่อมั่นมากนัก ขณะที่การส่งออกไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เริ่มชะลอ ทำให้ราคามีความผันผวนสูง
นักวิเคราะห์คาดว่า ความต้องการเหล็กอาจฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังปี 2025–2026 หากบรรยากาศทางการค้าดีขึ้น แต่ระยะสั้นยังคงกดดันผู้ประกอบการทั่วโลก รวมถึง ธุรกิจเหล็กไทย ที่ต้องเผชิญทั้งราคานำเข้าที่ผันผวนและการแข่งขันจากจีน
🔗 ที่มา: Reuters
🇹🇭 ผลกระทบต่อไทย
-
น้ำมัน → ต้นทุนโลจิสติกส์และพลังงานยังสูง ธุรกิจควรบริหารจัดการสต็อกน้ำมันรัดกุม
-
ทองคำ → เหมาะสำหรับเก็งกำไรระยะสั้น แต่ยังไม่ใช่จังหวะสะสมยาว
-
เหล็ก → ผู้ประกอบการก่อสร้าง–อุตสาหกรรมควรวางแผนสต็อกล่วงหน้า และจับตาคู่แข่งจีนที่บุกตลาดในภูมิภาค
✅ สรุปแนวโน้มสัปดาห์ (11–17 ส.ค. 2025)
-
น้ำมันถูกกดดันจาก OPEC+ และนโยบายสหรัฐฯ
-
ทองคำยังไม่แรง รอท่าทีดอกเบี้ยเฟด
-
เหล็กยังผันผวน จีนเป็นตัวแปรสำคัญ
ธุรกิจไทยควรเตรียมกลยุทธ์สู้กับต้นทุนที่ไม่แน่นอน และใช้โอกาสจากความผันผวนให้ได้ประโยชน์สูงสุด
หากสนใจสั่งซื้อเหล็กแผ่นลายหรือเหล็กรูปพรรณชนิดอื่นๆ ติดต่อเหล็กทรัพย์ ได้เลยค่ะ

